""

Friday, October 14, 2016

เหตุวุ่นวายปลายรัชกาลที่ ๙

เคยยิ่งใหญ่ไกรเกียรติสูงเสียดเมฆ
สร้างปลุกเสกหลายศกยกตนสูง
เจ็ดสิบปีดีชั่วกลั้วกลจูง
จากนกยูงลดค่ามาเป็นแลน




นัดลดา รัตนกรี (จุลานนท์) เหยื่อของระบอบภูมิพล จริงหรือไม่?

อีกหนึ่งเหยื่อของระบอบภูมิพล 

อดีตนักแฮกเกอร์มือหนึ่งของประเทศไทย โบกี้ หรือ  นัดลดา รัตนกรี (จุลานนท์) ลูกสาวคนเล็กกับภรรยาคนแรกของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีและอดีตนายกรัฐมนตรี อดีต ผบ.ทบ. คนสนิท พล.อ
 เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และ รัฐบุรุษ 

โบกี้เข้าถวายงานรับใช้พระองค์ด้วยความจงรักภักดีมาตลอด แต่กษัตริย์ไทยผู้ไม่เคยไว้ใจใครอย่างแท้จริง จึงว่าจ้างนักแฮกเกอร์อีกคนคอยติดตามโบกี้อย่างใกล้ชิด จนวันหนึ่งโบกี้ถูกเรียกตัวเข้าพบ และเป็นวันที่ทำให้เธอตาสว่าง และ นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอเกลียดชังสถาบันพระมหากษัตริย์และระบอบเผด็จการอย่างเต็มตัว เลือดของปู่ "สหายคำตัน" หรือ พ.ท.โพยม จุลานนท์ อดีตแกนนำพรรคคอมมิวนิสต์ประเทศไทยได้สูบฉีดในร่างกายเธออย่างแรงกล้าเกินกว่าสายเลือดของพ่ออย่างสุรยุทธ์จะลบล้างได้

บทสนทนาต่อจากนี้คือสิ่งที่ถอดมาจากสถานการณ์จริง

บอด : มึงรู้ไหมว่าทำอะไร กูให้คนตรวจสอบมึงแล้ว มึงทำให้กูไม่พอใจอย่างมากที่เข้าไปล้วงข้อมูลในมูลนิธิและในระบบสำนักงานทรัพย์สินฯ"

คำพูดเป็นไปด้วยความเกรี้ยวกราดยิ่ง เด็กสาววัยยี่สิบกว่าต้องตกใจด้วยความหวาดกลัว มิอาจจะมีวาจาตอบโต้ใดๆ

บอด : ในประเทศนี้ มีเพียงกูเก่งได้คนเดียว มึงเป็นใครจะมารู้อะไรดีกว่ากู" 

บอด : มึงรู้จักกูน้อยไปเสียแล้ว พ่อมึงก็คงช่วยอะไรไม่ได้"

หลังจากวันนั้น เธอก็ตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายยิ่ง สุรยุทธ์พยายามขอเข้าเฝ้าเพื่อร้องขอชีวิตลูกสาวแต่ไม่เป็นผล เขาทำดีที่สุดคือให้ลูกสาวเดินตามรอยปู่ คือ การหลบหนีออกนอกประเทศเสียพร้อมถอดชื่อเธอออกจากระบบสำมะโนประชากรทั้งหมด และนั่นคือจุดเริ่มต้นให้เธอกลายเป็นแนวร่วมฝ่ายประชาธิปไตยเช่นเดียวกับคุณปู่ "สหายคำตัน" ที่เธอเคารพรัก ด้วยวลีประวัติศาสตร์ 

"หนูมีสายเลือดปู่มากกว่าเลือดพ่อ" 

แต่ด้วยความผิดพลาดหรือการข่าวอาจรั่ว 5 ปีที่ผ่านมา เธอถูกลอบยิงที่ฮ่องกง เดชะบุญหรือพระบารมีอาจเสื่อม เธอถูกยิงเข้าแค่แขนรอดตายหวุดหวิด เพื่อนสนิทนำส่งโรงพยาบาลทันที จากนั้นมาเธอไม่เคยไว้วางใจผู้ใดอีกเลย 

หากเธอได้อ่านโพสนี้ ขอจงรับรู้ว่า แอดมินขอสรรเสริญความกล้าหาญและนับถืออุดมการณ์แห่งประชาธิปไตยของเธอตลอดกาล ไม่ว่าเธอจะอยู่แห่งหนใดในที่ปลอดภัยในโลกกว้างใบนี้ เราเชื่อมั่นว่าด้วยความสามารถทางคอมพิวเตอร์ของเธอจะได้รับข้อความนี้ในที่สุด 

ด้วยความนับถือ

@สะท้านฟ้า

Thursday, October 13, 2016

ภูมิพล คนรวยที่ไร้ความกล้าหาญในการทำความดี ใจ อึ๊งภากรณ์

ภูมิพล คนรวยที่ไร้ความกล้าหาญในการทำความดี

ใจ อึ๊งภากรณ์

นายภูมิพลเป็นกษัตริย์ที่อ่อนแอ ไร้ความกล้าหาญ และไม่มีอุดมการณ์ดีๆ ของตนเองเลย แต่ในขณะเดียวกันเป็นคนโลภทรัพย์และหลงตัวเอง เขาใช้ชีวิตของอภิสิทธิ์ชนอันไร้ประโยชน์ ขณะที่ล้อมรอบไปด้วยขี้ข้าที่คอยเลีย หมอบคลาน และชมว่านายภูมิพลเป็น "เทวดา" แท้จริงแล้วนายภูมิพลเป็นคนน่าสมเพชที่ไม่น่าสงสาร เป็นคนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวมากกว่าประโยชน์ส่วนรวมของสังคมไทย และพร้อมจะปล่อยให้ประชาชนผู้รักประชาธิปไตยถูกเข่นฆ่าเหมือนผักเหมือนปลา

ตลอดชีวิตของเขา เขามีส่วนสำคัญในการให้ความชอบธรรมกับเผด็จการที่ทำให้สังคมไทยล้าหลังและขาดประชาธิปไตยจนถึงทุกวันนี้

ในช่วงท้ายของชีวิต นายภูมิพลปล่อยให้ประชาชนเสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตยถูกทหารฆ่าตาย และปล่อยให้ทหารใช้คดี 112 เพื่อจำคุกผู้บริสุทธิ์ที่คัดค้านเผด็จการ โดยที่ทหารอ้างตลอดว่ากำลัง "ปกป้อง" นายภูมิพลและครอบครัว

นายภูมิพลอาสาด้วยความเต็มใจ ที่จะเป็นเครื่องมือของทหาร ที่คอยทำรัฐประหาร กีดกันประชาธิปไตยและความเจริญทางเศรษฐกิจของประชาชน สำหรับนายภูมิพลการทำหน้าที่ดังกล่าวสร้างผลประโยชน์ให้ตัวเขาเองมากมาย นายภูมิพลสามารถสะสมทรัพย์สินมหาศาลจากการทำงานของประชาชน จนกลายเป็นคนที่รวยที่สุดในประเทศไทยและกษัตริย์ที่รวยที่สุดในโลก ในขณะเดียวกันนายภูมิพลบังอาจที่จะเสนอว่า "ราษฎร" ควรพึงพอใจในความยากจนของตนเอง ผ่านลัทธิ "เศรษฐกิจพอเพียง" นี่คือนิสัยของคนที่ "ทำนาบนหลังคนอื่น" ไม่ต่างจากกษัตริย์ทั่วโลก

ข้าทาสบริวารต่างๆ ของภูมิพล ต้องคอยส่งเสริมรูปภาพหยดเหงื่อที่ปลายจมูกของนายภูมิพล เพื่อสร้างภาพหลอกลวงว่าเขาทำงานหนักได้ อย่างไรก็ตามรูปถ่ายแบบนี้ดูเหมือนจะมีรูปเดียว เพราะนายภูมิพลไม่เคยออกแรงให้เหงื่อออกจริงๆ ไม่เหมือนชาวไร่ชาวนาหรือกรรมกร และนายภูมิพลไม่เคยละอายใจที่จะมีคนมาคลานต่อหน้าตนเองเหมือนสัตว์ หรือใช้ภาษาโบราณราชาศัพท์ เหมือนกับว่าเขาเป็นเทพเจ้า

นายภูมิพลเกิดที่สหรัฐและใช้ชีวิตวัยรุ่นอันแสนสบายในสวิสแลนด์ การที่เขาชอบขับรถสปอร์ดเร็วๆ ทำให้เขาต้องสูญเสียลูกตาข้างหนึ่งในอุบัติเหตุ ก่อนหน้านั้นในปี ๒๔๘๙ นายภูมิพลได้ขึ้นมาเป็นกษัตริย์เมื่อพี่ชายถูกยิงตาย เหตุการณ์นี้อธิบายได้สองทางคือ เป็นการฆ่าตัวตายของพี่ชายเอง หรือเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากการเล่นปืนกับนายภูมิพล ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร สิ่งที่เราแน่ใจได้คือนายภูมิพลทราบข้อมูลทุกอย่างและอยู่ในสถานที่เมื่อเกิดเหตุ แต่นายภูมิพลไม่มีความซื่อสัตย์หรือคุณธรรมพอที่จะพูดความจริง ปล่อยให้คนบริสุทธิ์สามคนถูกประหารชีวิต และปล่อยให้ท่านอาจารย์ปรีดีถูกป้ายร้ายจากคู่แข่งทางการเมือง หลังจากนั้นนายภูมิพลก็หากินกับการเป็นกษัตริย์ในรูปแบบที่เห็นแก่ตัว ขาดความซื่อสัตย์ ขาดคุณธรรม และขาดความรับผิดชอบต่อประชาชนมาตลอด

ในช่วงเผด็จการทหารที่ป่าเถื่อนและคอร์รับชั่น หลังรัฐประหารของ สฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายสฤษดิ์ได้ขยันสร้างแนวร่วมกับพวกรักเจ้าเพื่อเชิดชูกษัตริย์และแสวงหาความชอบธรรมกับตนเองและอำมาตย์ทั้งหลาย เพราะตั้งแต่ยุครัชกาลที่๗ ผ่านการปฏิวัติ ๒๔๗๕ ประชาชนชาวไทยส่วนใหญ่เสื่อมศรัทธาในสถาบันกษัตริย์จนกระแสสาธารณรัฐมาแรง ในยุคนั้นแม้แต่ผู้นำทางทหารหลายคนอย่างเช่นจอมพล ป. พิบูลสงคราม ก็ไม่ต้องการกษัตริย์ นายสฤษดิ์กับพวกที่คลั่งเจ้าอาศัยบรรยากาศสงครามเย็น เพื่อส่งเสริมและเชิดชูนายภูมิพลในฐานะที่เป็นสัญลักษณ์ของการต่อต้านคอมมิวนิสต์ และรัฐบาลสหรัฐก็ช่วยโดยการแจกรูปภาพนายภูมิพลให้ประชาชน ใครไม่นำไปแขวนไว้ในบ้านต้องถูกกล่าวหาว่าเป็น "แดง"

เมื่อนายสฤษดิ์ตายไปด้วยโรคตับแข็ง นายภูมิพลเสียใจมากเพราะผู้อุปถัมภ์ของตนดับไป แต่ก็สามารถทำงานร่วมกับนายถนอมและนายประภาส ลูกน้องสฤษดิ์ที่ขึ้นมาเป็นเผด็จการโกงกินรุ่นใหม่ได้ดี ในช่วงนี้และช่วงสฤษดิ์ นายภูมิพลไม่เคยมีจิตสำนึกพอที่จะวิจารณ์การคอร์รับชั่นของทหารและการที่สังคมไม่มีสิทธิเสรีภาพและประชาธิปไตยเลย เขาไม่เคยเปลี่ยน ยุคนั้นเป็นยุคที่เผด็จการทหารเริ่มเชิดชูโครงการหลวงทั้งหลาย แต่โครงการดังกล่าวของนายภูมิพล ไม่ได้พัฒนาสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนเท่าไร โดยเฉพาะถ้าเทียบกับนโยบายการพัฒนาของรัฐบาลไทยรักไทย

ในเดือนตุลาคม ๒๕๑๖ นักศึกษาและประชาชนผู้รักประชาธิปไตยได้ลุกขึ้นไล่เผด็จการทหารจนสำเร็จ ฝ่ายอำมาตย์จึงเรียกร้องให้นายภูมิพลออกโรงเพื่อปกป้องระบบอภิสิทธิ์ชน นายภูมิพลจึงออกมาพูดทางโทรทัศน์และฉวยโอกาสสร้างภาพว่าตนเป็น "กษัตริย์ประชาธิปไตย" อย่างไรก็ตามเมฆดำแห่งการต่อสู้ทางชนชั้นก็มาท้าทายอำมาตย์ ยุคนั้นเป็นยุคสงครามสหรัฐในเวียดนาม

นักศึกษาและประชาชนต่างต้องการให้สังคมไทยพัฒนาและมีความเป็นธรรม คนจำนวนมากเริ่มสนใจความคิดของพรรคคอมมิวนิสต์ นายภูมิพลจึงร่วมมือกับอำมาตย์อื่นๆ ในการพยายามปกป้องทรัพย์สินและตำแหน่งด้วยการก่อตั้งกลุ่มอันธพาลฝ่ายขวาเช่นลูกเสือชาวบ้าน กลุ่มอันธพาลเหล่านี้ พร้อมกับตำรวจ ตชด. ได้ก่อเหตุนองเลือดที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๑๙ ในวันเดียวกันมีการทำรัฐประหาร และตั้งรัฐบาลเผด็จการป่าเถื่อนที่ปราบปรามผู้รักประชาธิปไตยและเซ็นเซอร์สื่อทุกชนิด หลังจากนั้นเพียงสองเดือน ในวันเกิดของเขาปีนั้น นายภูมิพลได้แสดงความพึงพอใจกับเหตุการณ์นี้ และอ้างว่ารัฐประหารเป็น "สิ่งจำเป็น" เพราะประเทศไทยมี "ประชาธิปไตยมากเกินไป"

ท้ายยุครัฐบาลนายเปรม พื้นที่ประชาธิปไตยเริ่มเปิดกว้างขึ้นและมีการเลือกตั้งนายชาติชายเป็นนายกรัฐมนตรีพลเรือน แต่ในไม่ช้าฝ่ายทหารภายใต้การนำของนายสุจินดาก็ทำรัฐประหารและทำลายประชาธิปไตยอีกครั้ง นายภูมิพลก็ออกมาชมนายสุจินดาตามหน้าที่กษัตริย์เด็กดีที่ร่วมหากินกับทหาร แต่โชคดีที่ประชาชนไม่ฟัง จึงมีการลุกฮือล้มเผด็จการในเดือนพฤษภาคม ๒๕๓๕ พอสถานการณ์ชัดเจนว่าประชาชนชนะ นายภูมิพลก็ออกมาฉวยโอกาสสร้างภาพอีกครั้งเพื่ออ้างว่าตนรักประชาธิปไตย

หลังจากนั้นมีการเลือกตั้งเสรี และนักการเมืองทั้งหลายก็แข่งกันหมอบคลานและเชิดชูนายภูมิพลว่าเป็น "มหาราช" หรือ "สุเปอร์แมน" ที่เก่งในทุกเรื่อง ทั้งนี้เพื่อสร้างความชอบธรรมให้แก่นักการเมืองและนักธุรกิจทั้งหลายเอง นายภูมิพลดูเหมือนว่าจะหลงตัวเองไปด้วย นักการเมืองคนหนึ่งที่เชิดชูนายภูมิพลคือ นายทักษิณ ซึ่งนายกคนนี้สามารถครองใจประชาชนและชนะการเลือกตั้งได้หลายรอบ

ใน "สงครามยาเสพติด" ที่มีการวิสามัญเข่นฆ่าประชาชนบริสุทธิ์ โดยเจ้าหน้าที่รัฐ นายภูมิพลไม่มีความกล้าหาญที่จะออกมาตำหนิการละเมิดสิทธิมนุษยชนของรัฐบาลไทยรักไทยเลย แต่กลับชมนายกทักษิณว่าทำในสิ่งที่จำเป็น มันพิสูจน์ว่านายภูมิพลไหลลื้นไปตามกระแสเสมอ

ในรอบห้าปีแรกของรัฐบาลไทยรักไทย นโยบายสุขภาพถ้วนหน้าและนโยบายกองทุนหมู่บ้าน สามารถพัฒนาความเป็นอยู่ของประชาชนในลักษณะที่ไม่เคยเกิดในอดีตและไม่เคยเกิดจากโครงการหลวงในรอบหกสิบปี การครองใจประชาชนในระบบประชาธิปไตยแบบนี้ทำให้คู่แข่งของนายกทักษิณ โดยเฉพาะพวกอำมาตย์หัวเก่าและนายทหาร อึดอัดใจเป็นอย่างยิ่ง พวกนี้จึงก่อสถานการณ์และทำรัฐประหารเพื่อทำลายประชาธิปไตยอย่างต่อเนื่อง ในการทำลายประชาธิปไตยรอบนี้ นายภูมิพลก็ให้ความชอบธรรมกับทหารและอำมาตย์ตามเคย และยอมให้ทหาร เสื้อเหลือง และม็อบสุเทพ ใช้ชื่อของเขาในการประพฤติตัวแบบโจร

ในเดือนเมษายนและพฤษภาคมปี ๒๕๕๓ ท่ามกลางการเข่นฆ่าประชาชนมือเปล่าของทรราชอภิสิทธิ์และกองทัพไทย นายภูมิพลนิ่งเฉย ไม่มีความกล้าหาญ อุดมการณ์ หรือศีลธรรม พอที่จะออกมาห้าม ปล่อยให้พลเมืองล้มตายและบาดเจ็บจำนวนมาก แค่เหตุการณ์นี้เหตุการณ์เดียวก็พิสูจน์ว่าการมีกษัตริย์เป็นประมุขไม่มีประโยชน์อะไรเลยสำหรับประชาชน ถ้ากษัตริย์ไม่พร้อมจะปกป้องประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพของประชาชน ก็สิ้นเปลืองงบประมาณเปล่าๆ และร้ายกว่านั้น การปกป้องกษัตริย์กลายเป็นข้ออ้างของทหารโจรที่จะฆ่าประชาชนด้วย เหตุการณ์นี้และทุกอย่างที่เกิดจากรัฐประหาร ๑๙ กันยา ๒๕๔๙ เรื่อยมาจนถึงทุกวันนี้ ทำให้พลเมืองไทยจำนวนมากเริ่มตั้งคำถามกับระบบกษัตริย์ ทุกวันนี้คนจำนวนไม่น้อยในประเทศไทยต้องการให้ระบบกษัตริย์สิ้นไปจากแผ่นดิน

หลายคนในสังคมไทยเข้าใจผิดว่านายภูมิพลวางแผนและสั่งการให้เกิดรัฐประหาร ๑๙ กันยา ๒๕๔๙ แท้จริงแล้วนายภูมิพลไม่เคยมีอำนาจแบบนี้และไม่มีปัญญาหรือความกล้าที่จะเป็นผู้นำด้วย หน้าที่ของกษัตริย์ภูมิพลคือการให้ความชอบธรรมกับพฤติกรรมเลวๆ ของทหารและอำมาตย์ นี่คือสาเหตุที่ทหารและอำมาตย์สร้างภาพว่านายภูมิพลเป็น "เทวดาศักดิ์สิทธิ์" การคลั่งกษัตริย์ของฝ่ายทหารและนายทุนเพิ่มทวีขึ้นหลังการเปิดพื้นที่ประชาธิปไตย ยุคหลังป่าแตก เพราะชนชั้นปกครองหัวเก่าต้องแข่งกับความชอบธรรมชุดใหม่ที่มาจากประชาธิปไตย เขาเลยเลือกสร้างความชอบธรรมที่มาจากการสร้างนิยายเรื่องภูมิพล ที่สำคัญคือพวกนั้นต้องการให้เราหลงเชื่อว่านายภูมิพลมีอำนาจล้นฟ้า เพื่อให้กษัตริย์เป็นหน้ากากปิดปังหน้าของเขาเอง

นอกจากการให้ความชอบธรรมกับการทำลายประชาธิปไตยซ้ำแล้วซ้ำอีก นายภูมิพลมีหน้าที่เสนอลัทธิเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อคัดค้านการกระจายรายได้และแช่แข็งความยากจน โดยมีการเสนอว่าคนจนต้องมีความพึงพอใจในสถานภาพของตนเองท่ามกลางความร่ำรวยของคนใหญ่คนโต ลัทธิเศรษฐกิจพอเพียงไปได้สวยกับลัทธิเสรีนิยมกลไกตลาดของพวกประชาธิปัตย์ ทีดีอาร์ไอ นายทุนใหญ่ และทหาร เพราะเป็นระบบ "มือใครยาวสาวได้สาวเอา มือใครสั้นต้องอดทนกับความจน" ทั้งสองแนวคิดนี้คัดค้านการใช้รัฐในการพัฒนาชีวิตประชาชน

ในช่วงท้ายของชีวิต ตั้งแต่นายประยุทธ์ทำรัฐประหารรอบใหม่ นายภูมิพลหมดสภาพ เกือบจะพูดไม่ออกและเดินไม่ได้ แต่สำหรับคนอย่างประยุทธ์ คนแก่นั่งรถเข็นน้ำลายยืด ยังใช้เป็นเครื่องมือได้เสมอ

นายภูมิพลใช้ชีวิตอันสุขสบายท่ามกลางนิยายโกหก มีการสร้างให้เขาเป็น "พ่อของชาติที่ทุกคนรัก" ทั้งๆ ที่ลูกหลานของเขาเองล้วนแต่ผิดปกติ โดยเฉพาะเจ้าฟ้าชายที่กดขี่สตรีและสนใจแต่ความสุขของตนเอง

มีการเสนอว่าภูมิพลเป็น "อัจฉริยะ" และมีการพูดว่านายภูมิพลมีชีวิต "เรียบง่าย" ผูกเชือกรองเท้าตัวเองได้ แต่ถ้าใครจะตั้งคำถาม เปิดโปงความจริง หรือวิจารณ์อะไรก็จะต้องโดนลงโทษอย่างหนักด้วยกฎหมายหมิ่นฯ 112

นายภูมิพลเป็นคนพิการในด้านความสัมพันธ์กับมนุษย์ผู้อื่น ชอบสังคมหมามากกว่าสังคมคน เมื่อเขาตายประชาชนไทยนับล้านคงหวังว่าสังคมและการเมืองเราจะพัฒนาและคืบหน้าสักที แต่คนที่คิดแบบนี้จะผิดหวัง เราจะไม่พบฟ้าสว่างหลังภูมิพลตาย เพราะสิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดโดยอัตโนมัติ เรายังมีทหารเผด็จการและอำมาตย์อยู่ เราต้องทำลายอำนาจทหาร เราต้องสู้เพื่อประชาธิปไตยแท้ในระบบสาธารณรัฐที่ไม่มีกษัตริย์ และเราต้องนำทรัพย์สินมหาศาลและวังต่างๆ ของราชวงศ์มาเป็นของประชาชน เพื่อสร้างรัฐสวัสดิการอย่างถ้วนหน้า

จงเดินหน้าสู่สาธารณรัฐ จัดตั้งขบวนการก้าวหน้าของมวลชน! ประชาชนจงเจริญ

Official Statement by TAHR on the Passing of King Bhumibol October 13, 2016


Official Statement by TAHR on the Passing of King Bhumibol
October 13, 2016

The Thai Alliance for Human Rights, a non-profit and no-partisan organization based in the United States, would like to extend our sympathies to the people of Thailand on the momentous occasion of the passing of King Bhumibol Adulyadej.  May he rest in peace after having served 70 years as Thailand's longest reigning monarch.  

King Bhumibol played the role that unexpectedly fell to him with considerable skill and demonstrated love for his subjects. As the wealthiest monarch in the world, he was often looked up to as a god and as a savior, but he admittedly expressed that he was a human who could make mistakes, as he remarked in his 2005 birthday speech, in which he invited the people to criticize him and to point out mistakes recognizing his humanity.  

In his lifetime, King Bhumibol was revered and recognized as a great king and the father of the nation. It is a pity, however, that the biggest blot on this King's record will be the lese majesty law enforced on his behalf that results in between 50 and 100 people imprisoned in any given recent year just for publicizing information or expressing an opinion.  It is hard for the world to look past such a fact to see anything else that he ever accomplished.  As of today, the brutal lese majesty law is mentioned in the second sentence of Bhumbol's English-language Wikipedia entry.  Therefore, while the world extends its sympathies to Thailand, we call on the Regent or next Monarch to right these wrongs by releasing or requesting the immediate release of all the lese majesty prisoners and compensating them from royal funds, a gesture fitting with our best memories, or legacy, of King Bhumibol. 

The members of the Thai Alliance for Human Rights offer their sympathies and moral support to all Thais at this difficult time.  May the people of Thailand find a way forward that is peaceful, just, and inclusive, respecting the universal human rights of all Thai citizens.

ภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชน ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงกำไรและไม่ฝักใฝ่เลือกข้างทางการเมือง ที่ตั้งอยู่ในประเทศสหรัฐอเมริกา ขอส่งความเห็นใจของพวกเราไปยังคนไทยในโอกาสสำคัญคือการสวรรคตของกษัตริย์ภูมิพลอดุลยเดช  ขอดวงพระวิญญาณของพระองค์จงสถิตย์ในแดนสงบ หลังจากที่ได้ดำรงพระราชฐานะของกษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดของประเทศไทย ถึง ๗๐ ปี

กษัตริย์ภูมิพลทรงแสดงบทบาทที่ตกมาถึงพระองค์อย่างคาดไม่ถึง ด้วยทักษะที่เด่นชัดและความรักต่อปวงพสกนิกรที่ปรากฎแก่สายตาชนทั่วไป    ในฐานะกษัตริย์ที่รำ่รวยที่สุดในโลก พระองค์ถูกมองว่าเป็นเสมือนเทพยดาและผู้กอบกู้ แต่พระองค์ก็ได้ทรงแสดงออกถึงการยอมรับว่า พระองค์เป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่ทำผิดพลาดได้ ดังที่พระองค์ได้ตรัสไว้ในโอกาสวันเกิดเมื่อปี ๒๕๔๘ ซึ่งพระองค์ได้เชิญให้ผู้คนวิจารณ์พระองค์และชี้ข้อบกพร่องของพระองค์โดยมองพระองค์เป็นมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง   

ในตลอดช่วงชีวิตของท่าน กษัตริย์ภูมิพลได้รับการเทิดทูนบูชาและได้รับการยกย่องให้เป็นมหาราชาและเป็นบิดาแห่งชาติ   แต่อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าเสียดาย ที่รอยด่างพร้อยที่ใหญ่ที่สุดในประวัติของกษัตริย์พระองค์นี้ คือ กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งถูกบังคับใช้ในนามของพระองค์ แล้วได้นำไปสู่การจับกุมคุมขังของคนระหว่าง ๕๐ ถึง ๑๐๐ ต่อปีในช่วงปีหลัง ๆ นี้ แค่เพียงเพราะการเผยแพร่ข่าวสารหรือการแสดงความเห็น   ดังนั้น มันเป็นการยากที่ชาวโลกจะมองข้ามข้อเท็จจริงอันนี้แล้วเห็นสิ่งอื่นใดที่พระองค์ได้เคยทำสำเร็จไว้   ถึงวันนี้ กฎหมายอันโหดร้ายนี้ ถูกกล่าวถึงเป็นประโยคที่สองในบันทึกประวัติของกษัตริย์ภูมิพลในภาคภาษาอังกฤษของวิกิพีเดีย    ด้วยเหตุนี้ ขณะที่ชาวโลกต่างส่งความเห็นใจไปยังประเทศไทย เราขอเรียกร้องให้ผู้สำเร็จราชการหรือกษัตริย์องค์ใหม่ได้แก้ไขสิ่งผิดนี้เสีย โดยการปล่อยหรือขอให้มีการปล่อยตัวนักโทษที่เกี่ยวด้วยกรณีหมิ่นฯ เสียทันที และชดเชยให้กับพวกเขาด้วยทรัพย์สินของพระมหากษัตริย์เอง  ซึ่งจะเป็นการส่งทีท่าที่เหมาะสมกับภาพความทรงจำ หรือมรดกที่ดีที่สุดของกษัตริย์ภูมิพล

เหล่าสมาชิกของภาคีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนขอส่งความเห็นใจและกำลังใจให้คนไทยทุกท่านในห้วงเวลาอันยุ่งยากนี้  ขอให้ชาวไทยจงพบกับทางไปข้างหน้าที่สันติ เป็นธรรม และสมานใจสามัคคี โดยเคารพหลักสิทธิมนุษยชนสากลของคนไทยทั้งมวล

Friday, October 7, 2016

การรวมพลสัมมนาอัศวินโต๊ะกลม ในโอกาส 40 ปี 6 ตุลา 19

อย่าพลาด!! เสาร์ ที่ 8 ตุลาคม ศกนี้ เวลา 12:30 น. เป็นต้นไป พบกับ การรวมพลสัมมนาอัศวินโต๊ะกลม ในโอกาส 40 ปี 6 ตุลา 19
พบกับ วิทยากรเช่น คุณจารุพงศ์ อาคม สุรชัย ชูพงศ์ สนามหลวง ดารุณี สุดา จอม วัฒน์ (วรรยางกูร) และ เพียงดิน 

โดยสาระสำคัญ​คือการกระชากหน้ากากและชำระประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องจากมุมมองที่หลากหลาย และเพื่อร่วมถกแนวทางการเปลี่ยนระบอบอย่างได้ผล ในเวลาที่เผด็จการราชาธิปไตยกำลังแผ่กรงเล็บและเตรียมการทำลายมวลชนก้าวหน้าอย่างเด็ดขาด....

ติดตามได้ทางสถานียูทูปของเครือข่ายมหาวิทยาลัยประชาชน Media Force Bamboo Network FAIYEN มดแดงล้มช้าง ดร. เพียงดิน รักไทย และองค์การเสรีไทยฯ 




Sunday, October 2, 2016

ความสุขที่หายไป กับความเลวร้ายที่เพิ่มขึ้น (เครดิต อ.ชูพงศ์ ถี่ถ้วน)

ทักษิณ  ออกจากเมืองไทย ไปอยู่ต่างประเทศ 9 ปี เต็มๆแล้ว ด้วยความเชื่อ อย่างผิดๆ และด้วยความคิด อาฆาตแค้น ทักษิณ  คิดว้าถ้าไม่มีทักษิณแล้ว  จะทำให้คนรัก  พระเจ้าอยู่หัวมากขึ้น  จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น  จะทำให้ประเทศสงบสุขมากขึ้น  ประเทศจะมั่นคงมากขึ้น  ประชาชนจะมีความสุขมากขึ้น
แต่  กลับส่งผลตรงกันข้ามทั้งหมด
คนรักพระเจ้าอยู่หัวน้อยลงอย่างคาดไม่ถึง
เศรษฐกิจพังพินาศมา9ปีติดต่อกันอย่างคาดไม่ถึง
ประเทศหาความสงบไปเจอมีแต่ความวุ่นวาย และรุนแรงนองเลือดฆ่ากันอย่างป่าเถื่อนอย่างคาดไม่ถึง  
ประเทศไม่มีความมั่นคงเลยมี่แต่ความแตกแยก และสั่นคลอนอย่างคาดไม่ถึง
ประชาชนหาความสุขไม่เจอ พบแต่ความทุกข์ และความคับแค้นในหัวใจ 

คาดไม่ถึงว่าตั้งแต่ ขจัดทักษิณ ออกไป    
ประเทศไทย พบแต่สิ่งเลวร้าย และสิ่งชั่วร้าย อย่างคาดไม่ถึง

เลวร้ายอย่างคาดไม่ถึง

รัฐอนุมัติเงิน 47,000 ล้านบาท !!! เพื่ออุ้มหนี้เสีย 43.4 % ของสินเชื่อธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

รัฐอนุมัติเงิน 47,000 ล้านบาท !!!
เพื่ออุ้มหนี้เสีย 43.4 % ของสินเชื่อธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

หรือก็คือรัฐใช้หนี้แทนลูกหนี้ที่ยืมเงินแล้วไม่ใช้คืนเป็นวงเงินเกือบ 5 หมื่นล้านบาท เพื่อแยกหนี้เสียออกจากหนี้ดีมาให้เอกชนบริหารจัดการ ...

อ้าว...ทำไมไม่อนุมัติให้สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนบ้าง วงเงินเขา 1 หมื่นล้านบาท ก็ฟื้นฟูกิจการได้แล้วนะ

คุณ..เห็นอะไรมั้ย...จากข่าวนี้?!?!

วัดพุทธรับบริจาค...โดนตั้งข้อหาฟอกเงิน 
ยักยอกทรัพย์ รับของโจร รุกป่า ยึดที่คืน 
จับพระติดคุก ห้ามรับบริจาค

ชาวพุทธขอไปสังเวชนียสถาน
โดนฉีก พรบ. ทิ้ง ไม่มีเยื่อใย

อิสลามขอตั้งมัสยิต 3 แห่งต่อจังหวัด
อนุมัติทันที แถมงบก่อสร้างจาก อบต. ให้เสร็จสรรพ

ธนาคารอิสลามมีหนี้เสียเกือบ 50,000 ล้านบาท 
รัฐอนุมัติงบช่วยเหลือทันที 47,000 ล้านบาท ไม่มีลังเล 
แถมเพิ่มเงินลงทุนให้อีก 3,000 ล้านบาท

สถานการณ์แบบนี้คือ
โดนยึดหมดทั้งอำนาจการเมือง 
อำนาจการเงิน อำนาจการทหาร 
อำนาจการศึกษา อำนาจการเผยแผ่ศาสนา
และอำนาจการปกครองท้องถิ่นใช่หรือไม่

๓๐ กันยายน ๒๕๕๙
๑๕.๔๕ น.

CR.Ptreetep

ดร.​ เพียงดิน รักไทย 2 ตุลาคม 2559 ตอน Founding Fathers หรือ บิดาของชาติอเมริกัน สอนอะไรไว้?




ดร. เพียงดิน รักไทย 2 ตุลาคม 2559 ตอน Founding Fathers หรือ บิดาของชาติอเมริกัน สอนอะไรไว้

****************************
หากท่านคิดดี หวังดี และมั่นใจในความดีของท่าน ขอให้ปาวารณาตัว ร่วมเป็นมดแดงล้มช้าง ได้ที่
หรือที่นี่ http://tinyurl.com/pcqjppt

หากลิ้งค์ข้างบนถูกบล็อก ให้ส่งรายละเอียดไปที่ 4everche@gmail.com โดยระบุ 1. ชื่อ (จัดตั้งหรือชื่อกลุ่ม)  2. จำนวนสมาชิกในเครือข่าย 3. จังหวัดและอำเภอ  4. อีเมล์  5. ไลน์หรือเบอร์โทรศัพท์  6. อาชีพของท่านหรือสมาชิก